สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา มทส. วันที่สอง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา มทส. วันที่สอง
 
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ประจำปีการศึกษา 2565 
 
 
วันนี้ (24 ธันวาคม 2566) เวลา 08.20 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงอาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประจำปีการศึกษา 2565 เป็นวันที่สอง โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้าฯ รับเสด็จฯ
 
 
 
 
ในการนี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ทั้งสิ้น 1, 591คน ประกอบด้วย ดุษฎีบัณฑิตรุ่นที่ 24 มหาบัณฑิตรุ่นที่ 25 และบัณฑิตรุ่นที่ 27 ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและได้คะแนนยอดเยี่ยมของสาขาวิชาต่าง ๆ เข้ารับพระราชทานเข็มทองคำ จำนวน 17 คน 
 
 

 
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทแก่บัณฑิต ความตอนหนึ่งว่า “บัณฑิตทั้งหลายได้อุตสาหะเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาแล้ว ย่อมปรารถนาที่จะออกไปประกอบอาชีพการงาน เพื่อสร้างความสำเร็จและความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง แก่สังคมและประเทศชาติ การจะทำให้ได้ดังที่กล่าว แต่ละคนจะต้องปฏิบัติกิจการงานโดยอาศัยความรู้ที่ถูกต้องแม่นยำ ทั้งความรู้ในสาขาวิชาเฉพาะที่บัณฑิตเล่าเรียนมา ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการปฏิบัติงาน และความรู้ในสาขาวิชาอื่น ๆ รวมทั้งความรู้รอบตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเกื้อหนุนให้บุคคลมีความคิดที่กว้างขวางและทันสมัย สามารถพัฒนางานให้เจริญก้าวหน้าเท่าทันกับวิทยาการและความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ จึงขอให้บัณฑิตทุกคนหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ  แล้วพิจารณาเลือกสรรข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์ มาใช้ในการปฏิบัติงาน ถ้าทำได้ดังนี้ แต่ละคนก็จะปฏิบัติงานในหน้าที่ได้สำเร็จผล และสามารถร่วมมือกันสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ อันจะส่งผลให้บ้านเมืองมีความผาสุกร่มเย็นและมั่นคงยั่งยืนตลอดไป” 
 
 
 
จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังอาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทอดพระเนตรนิทรรศการ “เครื่องลดควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์ด้วยพลาสมาไอออน (Plasma ION)” ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของ รองศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย ทองโสภา อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และคณะ โดยการทำงานของเครื่องจะสร้างสนามไฟฟ้าสถิตที่มีขั้วไฟฟ้าที่แตกต่างกันขึ้นมา ระหว่างควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์กับแผ่นเพลทโลหะ ทำให้ควันมลพิษ PM 2.5 ถูกดูดมาติดที่แผ่นเพลทโลหะ ทั้งนี้ จากการทดสอบค่าควันมลพิษ PM 2.5 ที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถตู้ดีเซลขนาดเครื่องยนต์ 2800 ซีซี  อายุใช้งานประมาณ 5 ปี เมื่อติดเครื่องยนต์มีค่าอยู่ที่ประมาณ 2,200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  เมื่อทำการเปิดเครื่องพลาสมาไอออน พบว่าค่าลดลงมาเหลือประมาณ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  จากนั้นปิดเครื่องพลาสมาไอออน พบว่าค่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับเดิม และเมื่อดับเครื่องยนต์ ค่ากลับมาอยู่ที่ 0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเห็นได้ว่าเครื่องพลาสมาไอออนช่วยลดค่าควันมลพิษ PM 2.5 ที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเครื่องนี้จะติดตั้งต่อโดยตรงที่ท่อไอเสียหรือแทนที่ท่อพักของไอเสียรถยนต์ จึงไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ มีราคาถูก สะดวก ดูแลรักษาง่าย ถอดไส้กรองล้างทำความสะอาดได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ภาคอุตสาหกรรมด้านการขนส่งและด้านยานยนต์ เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การปรับแปลง ถ่ายทอด และพัฒนาเทคโนโลยี ต่อยอดผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทาง Sustainable Development Goals หรือ SDGs ช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองใหญ่ให้ดียิ่งขึ้น ตอบสนองการดำเนินนโยบายของมหาวิทยาลัยที่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน และเป็นมหาวิทยาลัยรับใช้สังคม
 
----------------------------
 
 
ส่วนประชาสัมพันธ์ 
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
24 ธันวาคม 2566

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง