ก่อนหน้า
อ่างเก็บน้ำสุระ จุดเช็คอินสุดชิลที่คุณไม่ควรพลาด
เมื่อจังหวัดนครราชสีมาเป็น 1 ใน 9 เขตนวัตกรรมการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ หลังจากที่คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 2/2565 ได้มีการอนุมัติให้จัดตั้งพื้นที่ “ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสประเทศไทย” (Thailand Wellness Economic Corridor : TWC) แล้ว มทส. จะเข้าไปมีบทบาทอย่างไร? เมื่อเกิดการลงทุนข้ามชาติ กว่า 4.5 พันล้าน
นายพงศ์วราวุฑฒิ หมื่นยุทธิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเทคโนธานี ฝ่ายบ่มเพาะธุรกิจและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขับเคลื่อนเขตนวัตกรรม SVND จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นการต่อยอดทิศทางการพัฒนาเมืองจาก “เมืองใหม่สุรนารี” ของสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง โดยคณะทำงานจาก มทส. ได้ร่วมออกแบบมุ่งไปที่การพัฒนามิติการแพทย์มูลค่าสูง เพื่อนําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการยกระดับการบริการทางการแพทย์ให้มากขึ้น ภายในปี 2569 จะเกิดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมบริการ (ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) Wellness Travel Tourism โดยบริษัทข้ามชาติ 1 แห่ง มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยใช้พื้นที่รอบนอกมหาวิทยาลัยกว่า 100 ไร่ เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบรักษาพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ และการดูแลผู้ป่วยหลังจากรักษาโรคมะเร็ง เป็นการเฉพาะ ขณะนี้ เหลือเพียงกระบวนการสุดท้าย คือ การปรับพื้นที่ผังสีจากสีเขียวคาดขาว (พื้นที่การเกษตร) ให้เป็นสีม่วง (พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม) ยังไม่รวมถึงมูลค่าที่เกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ (Economy Impact) เพื่อให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไม่ได้จำกัดอยู่บริเวณพื้นที่เขาใหญ่ เป็นการพักฟื้นสุขภาพพร้อมด้วยความสุขจากการท่องเที่ยวธรรมชาติ เขตนวัตกรรม SVND จ.นครราชสีมา จึงมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะมีศักยภาพและมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับที่เพียงพอ เช่น มหาวิทยาลัยได้รับงบประมาณสำหรับการสร้างอาคารศูนย์มะเร็งและรังสีรักษา ใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปีก็แล้วเสร็จ โดยทางเอกชนที่เข้ามาลงทุน “ศูนย์ฟื้นฟูและสถานบริบาล” ให้สัญญาณว่าพร้อมลงทุนทันทีหากการก่อสร้างอาคารศูนย์มะเร็งและรังสีรักษาเสร็จ “โครงการนี้เริ่มต้นด้วยงบประมาณลงทุนของภาครัฐ ส่วนด้านวิชาการ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยจะทำหน้าที่เป็นคลังสมอง (Think Tank) สร้างต้นแบบนวัตกรรม ส่งต่อให้บริษัท หรือ Startup ที่มีศักยภาพด้านการตลาด และมีกำลังการผลิต สร้างผลิตภัณฑ์สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่อไป”
ถก BOI รับสิทธิประโยชน์ A1+
ผู้บริหารเขตนวัตกรรม SVND จ.นครราชสีมา ได้ร่วมกับทีมกฎบัตรไทยได้เข้าไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการสร้างแรงจูงใจดึงดูภาคเอกชนเข้ามาลงทุนต่อยอด ได้ข้อสรุปว่า ผู้เข้ามาลงทุนใน SVND จะได้รับสิทธิประโยชน์การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในระดับ A1+ หรือสิทธิส่งเสริมการลงทุนในระดับ 10 ปี ได้แก่ กิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย เช่น กิจการ Biotechnology, Nanotechnology, Advanced Material Technology และ Digital Technology เชื่อมั่นว่าภายใน 3-5 ปี หลังการจัดตั้งเขตนวัตกรรม คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เติบโตไม่น้อยกว่า 1.75 เท่า (750,000 ล้านบาท) โดยในปี 2565 จ.นครราชสีมา มี GPP อยู่ที่ 196,862 ล้านบาท แบ่งเป็นจากภาคการเกษตร 11.26% ภาคอุตสาหกรรม 37.54% และภาคบริการ 51.20% มุ่งเน้นให้โคราชเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง (เครื่องมือแพทย์) นอกจากนี้ เขตนวัตกรรม SVND จะสามารถดึงบริษัทเอกชนข้ามชาติให้เข้ามาลงทุนในโคราชได้ จะทำให้เกิดกลุ่มผู้ใช้แรงงานขั้นสูงกว่า 5,000-8,000 อัตรา คาดการณ์ว่ากลุ่มแรงงานนี้สามารถมีรายได้เฉลี่ยต่อคนประมาณ 30,000-40,000 บาท ทำให้เกิดการยกระดับการจ้างงานในพื้นที่แบบเดียวกับ “นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด”
4 บ.โฮลดิ้งเล็งผนึกสตาร์ตอัพ ต่อยอดงานวิจัยออกสู่ตลาด
ในปี 2567 ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้ประกาศเปิดตัว SUTx (เอสยูทีเอ็กซ์) บริษัทโฮลดิ้ง ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสีเขียวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (Green Industry) รวมถึงพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมของมหาวิทยาลัย สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจรสำหรับสตาร์ตอัพไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน มหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม และสอดรับกับ พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม (TRIUP Act) ที่ส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยนำผลงานไปใช้ประโยชน์ผ่านรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการจัดตั้งนิติบุคคล เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัย SUTx จะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศ ในการเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรม และสร้างผู้นำทางเทคโนโลยีของอาเซียนในอนาคต
1.บริษัท SUTIP โดยมหาวิทยาลัยเป็นผู้ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 ล้านบาท ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา ที่จะช่วยบริหารทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัย และนักวิจัยและสตาร์ตอัพในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าสูง พัฒนากลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากงานวิจัยในเชิงพาณิชย์ และวางแผนการใช้ประโยชน์จาก IP เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เช่น Startup/Spin-off ของมหาวิทยาลัย อย่างบริษัท สตีฟ เวล คอร์ปอเรท จำกัด ได้ลงนามอนุญาตให้ใช้สิทธิและสัญญาจัดซื้อ กับ มทส. ในการร่วมพัฒนาสเปรย์ป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย จนประสบความสำเร็จที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นนวัตกรรมที่พร้อมออกสู่ตลาดได้
2.บริษัท SUTVB หรือ มหาวิทยาลัยเป็นผู้ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 10,000,000 ล้านบาท เป็นกองทุนร่วมลงทุนที่เข้าใจความต้องการของสตาร์ตอัพ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การลงทุนในระยะเริ่มต้น ไปจนถึงจัดหาเงินทุนในรูป Soft Loan เพื่อเสริมสภาพคล่อง ไปจนถึงการจัดโปรแกรมบ่มเพาะธุรกิจแบบครบวงจร นอกจากนี้ SUTVB ยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสตาร์ตอัพกับเครือข่ายนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดย SUTVB เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือ Convertible Note หรือหุ้นกู้แปลงสภาพ เพื่อช่วยเหลือ Startup ในด้านการลงทุน ด้วยวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับบริษัท Startup/Spin-off ของมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่ไปรับทุนจากภาครัฐมา รวมถึงจะช่วยทำบัญชี บริหารจัดการเงิน เพื่อการปิดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
3.บริษัท SUTxPonix เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง มทส. และบริษัท Ponix ของศิษย์เก่า (ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด) ร่วมกันถือหุ้น มุ่งเน้นการลงทุนใน AI, เมืองอัจฉริยะ Smart City และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Tech) มีโครงการนำร่องที่น่าจับตามองแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ บริษัท เดโวนิกซ์ ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยี Digital Twin เพื่อสร้างเมืองเสมือนจริง ซึ่งมีศักยภาพในการปฏิวัติการวางผังเมืองและการบริหารจัดการเมืองในอนาคต และอีกโครงการคือการวิจัยระบบไฮโดรเจน ที่มุ่งหวังจะเป็นทางเลือกด้านพลังงานสะอาดให้กับโลกยุคใหม่
4.บริษัท SUTVCC เป็นความร่วมมือระหว่าง มทส. และบริษัท ออริจจิน เวนเจอร์ จำกัด (Origgin) จากสิงคโปร์ ร่วมกันถือหุ้น มุ่งเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีศักยภาพระดับโลก สร้างเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลก พัฒนาตามแบบใช้ Venture Co-Creation (VCC) เป็นการพัฒนานวัตกรรม พัฒนาธุรกิจในรูปแบบ DeepTech (เทคโนโลยีขั้นสูง) เท่านั้น โดยจะต้องมีทรัพย์สินทางปัญญา มีศักยภาพพร้อมในระดับนานาชาติ ซึ่ง Origgin จะทำหน้าที่เข้ามาร่วมช่วยหนุนการจดสิทธิบัตรในระดับนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม เขตนวัตกรรม SVND จะวางแผนการศึกษาพัฒนาการบริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การใช้บริษัท SUTx ร่วมกับพาร์ตเนอร์อื่น เพื่อพัฒนาศูนย์ฟื้นฟูหลังจากการผ่าตัดโรคมะเร็ง รวมถึงด้านอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ จะเพิ่มการสนับสนุนเอกชนในการสอบขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์ ที่ผ่านมาได้พยายามผลักดันหลายช่องทางพร้อมกัน เช่น การนำเสนอเข้า ครม.สัญจรแล้วเมื่อกลางปี 2567 และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่วนเขตส่งเสริมนวัตกรรมมูลค่าสูงผลักดันผ่านกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงมีพาร์ตเนอร์จากประเทศจีน ที่จะช่วยดูแลผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในรูปแบบ Medical Tourism ขณะนี้ภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยอยู่ระหว่างการพูดคุยหาแนวทางร่วมกันต่อไป
Professionalism